ใจเป็นสุขแค่คิดบวก
เล่าเมื่อวันที่ 26 ก.ย. 64
โดยชุติมณฑน์ ปัญญาคำ
คุณเคยมีความคิดบางอย่างเกี่ยวกับตัวเองในเรื่องต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตหรือในเรื่องที่คุณกำลังเผชิญอยู่จนทำให้คุณเครียด เศร้าหมอง หรือเป็นทุกข์บ้างไหม หากเคย….ลองทบทวนดูซิว่าความคิดเหล่านั้นมักเป็นความคิดเชิงลบใช่ไหม ถ้าไม่แน่ใจว่าเป็นความคิดเชิงลบหรือไม่นั้น คุณแค่คอยสังเกตว่าหากความคิดใดเป็นความคิดเชิงลบมันจะส่งผลต่อความสุขในชีวิตของคุณลดลงนั่นเอง ...เช่น เมื่อคุณมีความคิดเชิงลบเกี่ยวกับตนเองบางทีคุณอาจจะเผลอเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นก็ได้ “ฉันไม่เก่งเท่าเขา” “ฉันมันแย่กว่าคนอื่น” “ทำไมต้องเป็นฉัน” หรือแม้แต่คำพูดหรือท่าทีของคนอื่นที่แสดงต่อคุณ เช่น เมื่อมีคนอื่นว่าคุณเป็นคนที่ไม่ได้เรื่อง คุณก็อาจจะเชื่อคำพูดนั้นแล้วพลอยคิดลบกับตัวเองว่า “ฉันมันไม่ได้เรื่องจริงๆ” “ฉันคงเป็นอย่างที่เขาว่าจริงๆ” เลยส่งผลให้ความสุขในชีวิตของคุณลดน้อยลง และยิ่งไปกว่านั้นคุณอาจปล่อยให้ความคิดลบนั้นทำให้คุณขาดโอกาสที่จะพัฒนาตนเองให้ก้าวหน้าขึ้น ดีขึ้นตามที่ศักยภาพของคุณจะพึงทำได้
อย่าปล่อยให้ความคิดเชิงลบมาบั่นทอนให้ใจเราห่อเหี่ยวไร้ซึ่งเรี่ยวแรงต่อสู้อีกต่อไป มาเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนความคิดใหม่ของคุณให้เป็นบวกได้อย่างไร หากคุณมีความคิดว่า “คุณโชคร้ายที่ได้ทำงานในตำแหน่งที่ด้อยกว่าเพื่อน” แต่จริงๆแล้ว “คุณโชคดีอย่างมากมายที่มีงานทำ ได้ใช้ความสามารถของคุณโดยที่ตำแหน่งของคุณแม้ไม่ใหญ่โต แต่ก็ใช่ว่าคนทุกคนจะทำได้เหมือนคุณ.....” คุณอาจเคยถูกล้อเลียนเรื่องใบหน้า จมูก ปาก สัดส่วนของคุณ จนทำให้คุณรู้สึกอายและแอบน้อยใจ บางทีคุณก็แอบคิดลบกับตัวเองว่า “ทำไมฉันต้องเกิดมาขี้เหร่แบบนี้ด้วย โลกนี้ชั่งไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย” ความคิดเชิงลบอย่างนี้อาจทำให้คุณลืมบางอย่างที่เป็นจุดดีของคุณไปได้ ลองปรับความคิดใหม่ “ฉันพอใจในหน้าตาของฉัน เพราะมันเป็นหน้าตาของฉัน และฉันก็มีดีในส่วนที่ฉันมี” ฝึกบอกกับตัวเองว่า “ฉันดีพอ” แล้วเรียนรู้และจดจำว่า คุณจะเอาประสบการณ์การที่คุณถูกล้อเลียน ถูกมองด้วยสายตาที่ไม่ดีและอีกมากมายนี้ เพื่อที่คุณจะไม่เอาไปทำกับคนอื่น เพราะคุณรู้ว่าท่าทีและคำพูดเหล่านั้นจะทำให้คนอื่นเสียใจ คุณก็จะกลายเป็นคนที่ระวังการใช้คำพูดและท่าทีต่อคนอื่น คุณก็สามารถเป็นที่รักและเป็นที่ยอมรับของคนอื่นได้.... หากแม้ว่าคุณอาจจะเจ็บป่วยต้องเข้าออกโรงพยาบาลจนบางครั้งคุณแอบคิดท้อแท้ กล่าวโทษตัวเอง หรือโทษสิ่งต่าง ๆ หรือคิดว่าคุณเป็นภาระของครอบครัว เอาเข้าจริง ๆ หากคิดในมุมกลับกัน ครอบครัวของคุณคงจะรู้สึกดีที่ได้มีโอกาสดูแลคุณในยามที่คุณเจ็บป่วย ตัวคุณเองก็ได้ทำเรื่องดี ๆ ให้กับตัวคุณเอง ได้แสดงออกถึงความรักที่คุณมีต่อตัวเอง ได้ดูแลตัวเองเป็นพิเศษกว่าตอนที่คุณสบายดีเสียอีก เพื่อที่ว่าพอคุณหายดีแล้ว คุณก็จะสามารถทำอะไรได้มากขึ้น แต่หากโรคที่คุณเป็นมันรุนแรง ก็ต้องขอบคุณที่คุณมีคุณหมอที่เก่ง ๆ กำลังช่วยรักษาคุณ และที่ผ่านมาคุณก็ได้ทำประโยชน์มากมายให้กับตัวคุณเอง ครอบครัว สังคม คุณยังคงเป็นที่รักของคนอื่น…..
สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของคนเราก็เปรียบดั่งกระจกที่ใช้ส่องตัวเราแต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกมองอย่างไร แบบไหน เลือกพอใจในสิ่งที่มีที่เป็นอยู่อย่างไรในปัจุบัน
ลูกเต๋ามีหลายด้าน...แต่อยากเห็นอีกด้านก็แค่หมุนกลับอีกด้าน
พระอาทิตย์ส่องแสงให้เราเห็นในเวลากลางวัน แต่พอพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าก็ใช่ว่าคุณจะมองไม่เห็นอะไรเลย...แต่คุณก็ยังมีแสงจากพระจันทร์
คุณอาจผิดพลาดในวันนี้...ก็เป็นโอกาสที่ดีที่คุณจะแก้ไขมันในวันรุ่งขึ้น
คุณอาจไม่เก่ง...แต่คุณก็ทำมันได้
คุณอาจไม่สวย...แต่คุณก็มีดีด้านอื่น
คุณอาจไม่รวยทรัพย์...แต่ก็มีเพียงพอสำหรับคุณ
คุณอาจมีบางอย่างไม่เท่าคนอื่น….แต่มีบางอย่างที่เท่ากันคือลมหายใจ
บางคนพูดไม่ดีกับคุณ...แต่คุณก็เป็นคนที่พูดดีกับทุกคน
บางคนพูดไม่ดีกับคุณ...แต่คุณก็เป็นคนที่พูดดีกับทุกคน